วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เมนูสุขภาพ : แซนวิชไข่ไขมันต่ำ



ส่วนผสม


ขนมปังโฮลวีท 1 แผ่น


ไข่ต้ม 1/2 ฟอง

ไข่ขาว 1 ฟอง

ข้าวโพดหวานฟาน 1 ช้อนโต๊ะ

กระเทียม 2 กลีบ

เกลือ พริกไทย

ผักกาดหอม หอมใหญ่ มะเขือเทศ

มะนาว

วิธีทำ
-
บดไข่ต้ม เอาไข่ขาวดิบปั่นในเบลนเดอร์กับข้าวโพดหวานและกระเทียม เติมเกลือ พริกไทย บีบมะนาวลงไปนิดหน่อยให้รสจัดขึ้น
-
ปิ้งขนมปัง แล้วตัดขนมปังออกครึ่งแผ่น เอาเครื่องที่ปั่นไว้ทาขนมปัง เอาผักรองแล้วตักไข่ต้มวางลงไป แล้วเอาขนมปังอีกซีกประกบ

หมายเหตุ : ใน เมื่อแต่ละมื้อเรากินน้อยลง อาหารแบบแซนวิชใช้เป็นอาหารว่างก็ไม่เลว แต่อย่าลืมว่าอย่ากินมาก ให้กินอย่างมากครั้งละแผ่นเดียว และหากใช้
ไข่ขาวดิบต้องแน่ใจว่าไข่ที่เอามาใช้ปลอดไวรัสอย่างไข้หวัดนกด้วย




การดื่มชา ช่วยลดความดัน


คนที่ขาย ชาเขียว ชาอูหลง เตรียมเฮได้แล้ว เพราะมีข้อมูลการศึกษาล่าสุด ที่ทำในประเทศไต้หวันพบว่าคนที่ดื่มทั้ง ชาเขียว และ ชาอูหลง มีแน้วโน้มมี ความดันโลหิต ลดลงเมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ดื่ม

อย่างที่พวกเราทราบกันดีว่า โรคความดันโลหิตสูง เป็นอาการเริ่มต้นที่จะนำไปสู่โรคภัยไข้เจ็บมากมาย เช่น โรคหัวใจ อาการเส้นเลือดแตกในสมอง แต่จากการศึกษาที่ทำโดยผู้วิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติ
ChengKung ในเมือง Tainan ประเทศไต้หวัน พบว่าคนที่ดื่ม ชาเขียว หรือ ชาอูหลง จะมีแน้วโน้มมีความดันโลหิตที่ลดต่ำกว่าคนที่ไม่ได้ดื่ม

ได้มีการค้นพบว่าสารต่างๆ มากมายกว่า 4,000 ชนิดที่มีอยู่ในน้ำ ชา รวมทั้งสารฟลาโวนอยด์จะช่วยป้องกันการเกิดหัวใจล้มเหลว อาการเส้นเลือดแตกในสมอง และอาการไตวาย ทั้งนี้การศึกษานี้ได้ถูกตีพิมพ์ในวารสาร The Archives of Internal Medicine โดย Yi-Ching Yang ซึ่งวารสารดังกล่าวเป็นวารสารที่มี
ชื่อเสียงที่แพทย์ทั่วโลกต่างให้การยอม รับ

การศึกษานี้ได้ทำการทดลองในอาสาสมัครกว่า 1,500 คนที่ไม่เคยมีอาการของโรคความดันโลหิตสูง ให้ดื่มน้ำ ชา 120-599 ซีซีต่อวัน (4-20 ออนซ์ต่อวัน) เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี พบว่าสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดอาการ โรคความดันโลหิตสูง ได้ถึง 46% เมื่อเทียวกับคนที่ไม่ได้ดื่ม ชา

นอกจากนี้การศึกษานี้ยังระบุอีกว่า หากดื่ม ชา มากกว่า 600 ซีซีต่อวัน ก็จะสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดอาการ โรคความดันโลหิตสูง ได้ถึง 65% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ดื่ม ชา

ในจำนวนผู้เข้าร่วมการทดลองพบว่า 40% ของผู้ร่วมการทดลองเป็นที่ดื่ม ชา เป็นประจำ และในจำนวนนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นชายที่อายุยังไม่มาก ส่วนใหญ่สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า และรับประทานอาหารพวกพืชผักน้อย

ทำไมถึงแก่เร็วกว่าวัย


รายงานการศึกษา ที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ที่มีอายุเก่าแก่ฉบับหนึ่ง The Lancet ได้รายงานการศึกษาวิจัยของคุณหมอ Tim Spector และทีมงานจากโรงพยาบาล St. Thomas' Hospital ในเมือลอนดอนประเทศอังกฤษพบว่า "การสูบบุหรี่" และ "การอ้วน" เป็นตัวการทำให้แก่เร็ว โดยได้ศึกษาเซล์ในผู้หญิงที่สูบบุหรี่ และเป็นโรคอ้วนดูมีอายุมากกว่าของจริง เกือบ 10 ปี และนอกจากจะทำให้แก่เร็วขึ้นและยังทำให้อายุสั้นลงอีกด้วย ทั้งนี้บุหรี่และไขมันที่มีอยู่ในร่างกายมากเกินไป จะไปเร่งอัตราการทำลายดีเอ็นเอ ดังนั้นความอ้วนจะทำให้คนๆ นั้นจะแก่กว่าอายุจริงๆ ถึง 9 ปี ขณะที่ การสูบบุหรี่จะทำให้แก่ไปเป็นเวลา 4 ปีครึ่ง แต่หากสูบบุหรี่วันละซองเป็นเวลานานถึง 40 ปีก็จะทำให้แก่เร็วไปอีกกว่า 7 ปีครึ่งทีเดียว

ผลของอายุของเซลของคนเรากับลักษณะภายในเซลนั้น ได้มีการค้นพบว่าส่วนปลายสุดของดีเอ็นเอของโรคโมโซมที่เรียกว่า เทโลเมอเรส (telomeres) จะมีขนาดสั้นลงทุกครั้งที่เซลมีการแบ่งตัว ถ้ายิ่งแบ่งตัวมากก็จะยิ่งสั้นลง และหากคนเรามีอายุที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย เทโลเมอเรสก็จะยิ่งสั้นลงๆ

จากการศึกษาในครั้งนี้ นักวิจัยได้ศึกษาในผู้หญิงกว่า 1122 คนที่มีอายุระหว่าง 18 ถึง 76 ปี โดยพบว่าความยาวของเทโลเมอเรสจะลดลงตามอายุคนเราอย่างสม่ำเสมอ และยังพบอีกว่าคนที่อ้วนจะมีเทโลเมอเรสที่สั้นกว่าคนที่ผอมอย่างชัดเจน และคนที่สูบบุหรี่ก็จะมีเทโลเมอเรสที่สั้นกว่าเช่นกัน

โดยสรุปแล้วการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่า ปัจจัยหลักที่สำคัญ 2 ปัจจัยคือ ความอ้วนและการสูบบุหรี่ จะส่งผลร้ายต่ออายุไขของคนเราอย่างชัดเจน และที่สำคัญยังส่งผลให้คนเหล่านั้นดูมีอายุมากกว่าที่ควรจะเป็น

วันพุธที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ทำไมเราถึงหาว รู้ไหม?


อาการหาว น้ำตาไหล น้ำมูกไหล เกิดจากปฏิกิริยาการตอบสนองของร่างกาย อาจมาจากการที่สมองขาดออกซิเจนไปชั่วขณะ หรืออาจได้รับก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซต์มากเกินไป

แต่ถ้าไม่อยากหาวบ่อยๆ ก็ลองพยายามหาเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่เคร่งเครียด หลีกเลี่ยงจากมลพิษ และอยู่ในบริเวณพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก รับรอง อาการหาวของคุณจะค่อยๆลดลง

แต่หากลองแล้วไม่ได้ผล ยังหาวอยู่เรื่อยๆ วันละไม่ต่ำกง่า 30 ครั้งล่ะก็ แนะนำให้ไปพบแพทย์ตรวจ
ร่างกายดีกว่า เพราะการหาวบ่อยๆ แบบนี้เป็นสัญญาณเตือนว่าคุณอาจมีปัญหาเกี่ยวกับลักษณะการนอนและระบบทางเดินหายใจเข้าแล้ว

วาซาบิ ช่วยป้งกันฟันผุ


หลายคนคงจะเคยลองลิ้มชิมรสกับ อาหารญี่ปุ่น กันบ้างแล้ว และหลายคนก็คงจะได้ลองสัมผัสกับความฉุนของเจ้า " วาซาบิ " ที่ถือว่าเป็นเครื่องปรุงอย่างหนึ่งของ อาหารญี่ปุ่น กันแล้ว บางคนอาจจะหลงใหลในรสฉุนดังกล่าว บางคนอาจจะร้องยี้ แต่รู้หรือไม่คะว่า ใน วาซาบิ ที่คุณเขี่ยให้ห่างเวลาทาน อาหารญี่ปุ่น นั้น มีประโยชน์มากมาย ที่นอกจากจะช่วยทำให้โล่งจมูกและอาจช่วยป้องกัน โรคมะเร็งแล้ว ยังอาจจะช่วยป้องกันฟันผุได้ด้วย

นายฮิเดกิ มาซูดะ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของบริษัท โอกาวะ ผู้ผลิตเครื่องปรุงรส ของ ญี่ปุ่น กล่าวว่า สารประกอบทางเคมีใน วาซาบิ นอกจากทำให้ วาซาบิ มีรสชาด และกลิ่นรุนแรงแล้ว ยังสามารถยับยั้งการเจริญเติบโต ของเชื้อจุลินทรีย์ ที่เป็น ต้นเหตุของฟันผุ โดยวาซาบิประกอบด้วย ไอโซทิโอไซยาเนตส์ ซึ่งนักวิจัยพบว่า สามารถยับยั้งการผลิตเอนไซม์ ที่มีส่วนสำคัญ ในการก่อตัวของ หินปูน


ก่อนหน้านี้ วาซาบิ เคยมีชื่อเสียงในเรื่องของการป้องกันเลือดจับตัวเป็นก้อน ลดความเสี่ยง ต่อการเป็นมะเร็ง และป้องกันโรคหอบหืด และผลการวิจัยล่าสุด นับเป็นครั้งแรกที่มีการค้นพบว่า วาซาบิ สามารถป้องกันฟันผุได้ แต่เนื่องจากผลการวิจัยยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นเท่านั้น นักวิจัยจึงเห็นว่า จำเป็นที่จะต้อง มีการ ศึกษาค้นคว้ากันต่อไป เพื่อยืนยันในประสิทธิภาพของเครื่องปรุงรสชนิดนี้ และหากผลการทดลองยืนยันว่า ใช้ได้ผลดีกับมนุษย์ เราอาจจะเห็นผลิตภัณฑ์ ที่มี ส่วนผสมของ วาซาบิ อย่างกว้างขวาง รวมทั้งในรูปของ ยาสีฟัน แต่อาจจะต้องมีการ ปรับปรุงรสชาตใหม่

รู้อย่างนี้แล้ว อย่าได้ร้องยี้แล้วเขี่ยวาซาบิทิ้งเด็ดขาดนะคะ ^O^